ชื่อ | สัตบรรณ |
ชื่อพื้นเมือง | จะบัน (เขมร-ปราจีนบุรี), ตีนเป็ด, ชบา, พญาสัตตบรรณ (กลาง),กะโน้ะ(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ตีนเป็ดขาว (ยะลา), หัสบรรณ (กาญจนบุรี), ยาขาว(ลำปาง),บะซา, ปูลา, ปูแล (มาเลย์-ยะลา, ปัตตานี) |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Alstonia scholaris R.Br. |
ชื่อวงศ์ | APOCYNACEAE |
ชื่อสามัญ | APOCYNACEAE |
สรรพคุณ | นำใบ เปลือกต้น ดอก และยาง มาใช้เพื่อรักษาโรคและอาการต่างๆ ได้แก่ ช่วยเจริญอาหาร ลดระดับน้ำตาลในเลือด แก้อาการปวดหู แก้อาการปวดฟัน รักษาเลือดออกตามไรฟัน แก้โลหิตพิการ บำรุงกระเพาะ ขับน้ำเหลืองเสีย ขับระดูของสตรี ดับพิษต่างๆ แก้บิด รักษาผดผื่นคัน ช่วยให้แผลหายเร็ว เป็นต้น |
ลักษณะ | ต้นพญาสัตบรรณ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถพบได้ในทุกภาคของประเทศไทย โดยจัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นสูงขนาดใหญ่ ลำต้นตรง แตกกิ่งก้านสาขาเป็นชั้น ๆ (เหมือนฉัตร) มีความสูงประมาณ 12-20 เมตร เปลือกต้นหนาเปราะ ผิวต้นมีสะเก็ดเล็ก ๆ สีขาวปนน้ำตาล เมื่อกรีดจะมียางสีขาว ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำ นอกจากนี้ต้นพญาสัตบรรณยังจัดเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสมุทรสาครอีกด้วย ใบพญาสัตบรรณ ออกเป็นกลุ่มที่บริเวณปลายกิ่ง โดยหนึ่งช่อจะมีใบประมาณ 5-7 ใบ มีสีเขียวเข้ม ใบยาวรี ปลายใบมนโคนแหลม ขนาดของใบยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตร ก้านใบสั้น เมื่อเด็ดออกจะมีน้ำยาวสีขาว ดอกพญาสัตบรรณ ออกดอกเป็นช่อคล้ายดอกเข็ม ออกดอกที่ปลายกิ่งหรือส่วนยอดของลำต้น หนึ่งช่อจะมีกลุ่มดอกประมาณ 7 กลุ่ม ดอกมีขาวอมเหลืองหรือเขียว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลพญาสัตบรรณ ผลออกเป็นฝัก ลักษณะฝักยาว เป็นฝักคู่หรือฝักเดี่ยว ลักษณะเป็นเส้น ๆ กลมเรียว มีความยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เมื่อแก่จะแตกเป็น 2 ซีก มีขุยสีขาวสามารถปลิวไปตามลมได้ ส่วนในฝักจะมีเมล็ดเล็ก ๆ จำนวนมากลักษณะเป็นรูปขนานแบน ๆ ติดอยู่กับขุย |
ประโยชน์ | ใช้ก่อสร้างบ้านเรือน ไม้จิ้มฟัน เปลือกไม้แก้ไข้หวัด หลอดลมอักเสบ แก้บิด ขับน้ำนม ใบใช้พอกดับพิษต่างๆ รากเป็นยาขับลมในลำไส้ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ |
รูปภาพ |
×
×
|
Qr Code และ Gr Code | |
หากคุณยังไม่มี App เหล่านี้สามารถดาวน์โหลด App ได้จากด้านล่างนี้ ดาวน์โหลด : เครื่องอ่านรหัส QRดาวน์โหลด : GR Code Reader ดาวน์โหลด : VAJA สังเคราะห์เสียงไทย (วาจา) |
|
ตำแหน่งของพรรณไม้ | 20.079317,100.307742 |